ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

NAD พลังแห่งการฟื้นฟูในระดับเซลล์ สู่เทรนด์ใหม่ในการดูแลสุขภาพ

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงลึกหรือ wellness ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะแนวทางที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูระดับเซลล์ หนึ่งในสารชีวโมเลกุลที่ถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายในวงการนี้คือ NAD หรือ Nicotinamide Adenine Dinucleotide ซึ่งเป็นโคเอนไซม์ที่มีบทบาทสำคัญต่อการผลิตพลังงานในเซลล์ การซ่อมแซมดีเอ็นเอ และกระบวนการชะลอวัย

NAD คืออะไร?

NAD เป็นโคเอนไซม์ที่มีอยู่ในทุกเซลล์ของร่างกาย มีบทบาทสำคัญในกระบวนการเมตาบอลิซึม โดยช่วยขนส่งอิเล็กตรอนในการสร้างพลังงานจากอาหารที่เรากิน นอกจากนี้ NAD ยังเกี่ยวข้องกับการกระตุ้นโปรตีนกลุ่ม sirtuins ซึ่งมีบทบาทในการยืดอายุของเซลล์ และส่งผลต่อการชะลอความเสื่อมของร่างกาย

NAD+ กับการดูแลสุขภาพเชิงลึก

ในปัจจุบัน NAD ได้รับความสนใจในฐานะ โมเลกุลแห่งการฟื้นฟู ที่มีศักยภาพในการช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวจากความเครียด ภาวะอักเสบ และแม้แต่ภาวะเสื่อมของสมอง มีผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหลายชนิดที่มีเป้าหมายเพื่อเพิ่มระดับ NAD เช่น NAD+ IV therapy, nicotinamide riboside (NR) และ nicotinamide mononucleotide (NMN) ซึ่งเป็นสารตั้งต้นที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนไปเป็น NAD+

เทรนด์ NAD+ ในสาย wellness

  • NAD+ IV Drip: การให้น้ำเกลือผสม NAD+ ทางหลอดเลือดดำเป็นบริการที่พบได้ในคลินิก anti-aging และ wellness center หลายแห่ง โดยเชื่อว่าช่วยเพิ่มพลังงาน ลดอาการอ่อนล้า และฟื้นฟูสมอง

  • NAD Supplement: ผลิตภัณฑ์เสริม NAD รูปแบบแคปซูลหรือผง เช่น NMN และ NR ได้รับความนิยมในหมู่ผู้ที่ต้องการชะลอวัยหรือเพิ่มสมรรถภาพทางสมอง

  • NAD & Brain Health: งานวิจัยเบื้องต้นชี้ว่า NAD อาจมีผลช่วยป้องกันโรคสมองเสื่อม เช่น Alzheimer’s และสนับสนุนกระบวนการซ่อมแซมดีเอ็นเอ

ข้อควรระวัง

แม้ว่า NAD จะดูเป็นโมเลกุลมหัศจรรย์ แต่การใช้งานควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะในรูปแบบ IV therapy ซึ่งยังมีข้อถกเถียงด้านความปลอดภัยและประสิทธิภาพในระยะยาว



สรุป
NAD+ เป็นสารที่มีศักยภาพในการส่งเสริมสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีในหลายด้าน การเพิ่มระดับ NAD+ ในร่างกายอาจช่วยชะลอความเสื่อมของร่างกาย เพิ่มพลังงาน ส่งเสริมการทำงานของสมอง ฟื้นฟูระบบเผาผลาญ และเสริมสร้างสุขภาพหัวใจ อย่างไรก็ตาม ควรศึกษาข้อมูลและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญก่อนใช้ NAD+ เพื่อให้ได้รับประโยชน์สูงสุดและหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลอดใส่เลือดมี่กี่ชนิด (tube เลือดมี่กี่ชนิด)

        หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยนะครับว่าเวลามีนัดต้องไปพบแพทย์ และเมื่อถึงเวลาเจาะเลือด ทำไมถึงต้องเก็บเลือดเราไปทีละหลาย ๆ หลอดและในการนัดแต่ละครั้งก็มีการเจาะเลือดไปไม่เหมือนเดิมกับครั้งก่อน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันครับว่าหลอดใส่เลือดแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร         ปัจจุบันในทางการแพทย์หลอดสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดนั้นถูกพัฒนามาหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมถึงระยะในการเก็บรักษาตัวอย่างเลือดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ สำหรับในวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับหลอดเลือดพื้นฐานที่ใช้ในการตรวจประจำของโรงพยาบาลโดยทั่วไปครับ  สิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแต่ละสี        สิ่งที่อยู่ข้างในหลอดเลือดสีต่าง ๆ คือ สารเคมีที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด (สารกันเลือดแข็ง) โดยในหลอดแต่ละสีก็จะมีสารกันเลือดแข็งคนละชนิดกันครับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้สารกันเลือดแข็งหลายชนิด ไม่สามารถใช้ชนิดเดียว หรือหลอดเดียวสำหรับารตรวจได้ทั้งหมดก็เพราะว่าส...

DNA ตอนที่ 1 : DNA คืออะไร และโครงสร้างของ DNA

สารพันธุกรรม (genetic materials) ห มายถึงสารที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ่งมีชีวิตระดับโปรคาริโอต (prokaryote) และยูคาริโอต (eukaryote) โดยสารพันธุกรรมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid หรือ DNA) และอาร์เอ็นเอ (ribonucleic acid หรือ RNA) การเก็บรักษาข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการเรียงลำดับของหน่อยย่อยที่สุดของ DNA และ RNA อย่างเป็นระเบียบและมีความหมาย ซึ่งหน่อยย่อยของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเราเรียกว่า นิวคลีโอไทด์ (nucleotide) สิ่งมีชีวิตจะทำการแปลรหัสข้อมูลนิวคลีโอไทด์เหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเซลล์หรือร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่อไปผ่านการทำงานร่วมกันตั้งแต่ DNA RNA ไปจนถึงขั้นตอนการสั่งเคราะห์โปรตีน อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตบางประเภทจะเก็บข้อมูลพื้นฐานของตัวเองในรูปแบบของ RNA เท่านั้น เช่นไวรัสในกลุ่มรีโทรไวรัส หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือไวรัสโควิด ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างจำลองของ DNA ที่มาภาพ : http://becuo.com/red-dna-wallpaper   DNA (deoxyribonucleic acid )                  D...

ความแตกต่างระหว่าง Leukemoid Reaction และ Chronic myeloid leukemia (CML)

***แก้ไขหน่วยในภาพ cell/ml เป็น cell/ul Leukemoid Reaction (LR) คือ ภาวะหนึ่งที่ร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดขาวออกมาในปริมาณมาก (>50,000 cell/ul) เพื่อตอบสนองต่อ ภาวะความผิดปกติบางอย่าง เช่นภาวะการติดเชื้ออย่างรุนแรง (severe infection)  เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้นผิดปกติจำนวนมากจะเป็น mature cells  แต่ก็อาจพบเม็ดเลือดขาวระยะตัวอ่อนได้บ้างซึ่งการที่เราพบเม็ดเลือดตัวอ่อนในเลือดจะเรียกว่า Shift to the left  โดยเมื่อส่องดูเสมียร์เลือด (blood smear) ด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วจะพบว่ามีลักษณะที่คล้ายกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Chronic myeloid leukemia (CML) แต่ก็มีลักษณะที่สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ครับโดยการวินิจฉัย LR นั้นจะเป็น exclusion criteria ของมะเร็งเม็ดเลือดขาว CML เช่น ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด และชนิดของเม็ดเลือดขาวตัวเต็มวัย หรือการเพิ่มขึ้นของค่า  Leukocyte alkaline phosphatase (LAP)  ใน LR Chronic myeloid leukemia (CML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในสาย myeloid ชนิดเรื้องรัง โดยผู้ป่วย CML ส่วนใหญ่มีสาเหตุการเกิดโรคมาจากการกลายพั...