ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การงดน้ำ และอาหารก่อนเจาะเลือดทำอย่างไร


การงดน้ำ และอาหารก่อนเจาะเลือด (Fasting before blood tests)
          ในปัจจุบันการตรวจเลือดเป็นวิธีพื้นฐานทางการแพทย์ที่จะใช้ในการวินิจฉัย ประเมิน และติดตามการรักษาโรค ซึ่งในการตรวจเลือดบางรายการเช่น น้ำตาลและไขมันนั้น สารอาหารที่ถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดจะทำให้ค่าการตรวจเลือดผิดพลาดได้ จึงจำเป็นที่จะต้องทำการงดน้ำ และอาหารข้ามคืนก่อนที่จะดำเนินการเจาะเลือดเพื่อตรวจในห้องปฏิบัติการ โดยคำถามที่มักพบสำหรับผู้ป่วยที่อาจไม่ทราบมาก่อนว่าต้องงดอย่างไร ระยะเวลาเท่าไหร่ ทำไมบางครั้งอดในระยะเวลาที่ไม่เท่ากัน หรือบางครั้งไม่ต้องอดอาหารเลย ซึ่งทั้งหมดมีคำตอบให้ในบทความนี้ครับ

          วิธีปฏิบัติสำหรับการงดน้ำ และอาหารก่อนเจาะเลือด
          การอด หรืองดอาหาร หมายถึงห้ามกินอาหารชนิดใด ๆ เลย รวมถึงลูกอม น้ำหวาน น้ำผลไม้ กาแฟ และอื่นๆ ที่มีรสชาติ สิ่งเดียวที่สามารถทานได้คือ น้ำเปล่า เท่านั้นครับ เพราะสารอาหารเหล่านี้จะไปรบกวนการตรวจ และอาจทำให้ผลการวิเคราะห์ผิดพลาดไป ส่งผลต่อการวินิจฉัย และการรักษาโดยตรงครับ เพราะฉะนั้นต้องปฏิบัติตามหลักการอย่างถูกต้องนะครับ

          ต้องงดน้ำ และอาหาร นานแค่ไหน?
          โดยปกติแล้วเรามักจะได้รับคำแนะนำในใบนัดของทางโรงพยาบาลว่าให้งดอาหารหลังเที่ยงคืน หรือข้ามคืนก่อนมาเจาะเลือดในตอนเช้า เนื่องจากคนไข้ส่วนมากนั้นไม่ได้เข้าใจ หรือไม่ได้มานั่งนับชั่วโมงตามที่หมอหรือพยาบาลแนะนำไว้ ซึ่งในความเป็นจริงแล้วเราควรงดอาหารอย่างน้อย 8 ชั่วโมง หรือไม่เกิน 10 ชั่วโมงสำหรับการตรวจค่าน้ำตาลในเลือด (fasting blood sugar) และ 10-12 ชั่วโมงสำหรับการตรวจไขมันในเลือด (lipid profile) ดังนั้นเมื่อเราทราบระยะเวลาแล้วก็สามารถที่จะบริหารเวลาของเราให้ตรงตามต้องการ และเวลาที่จะเดินทางไปเจาะเลือดได้ดีขึ้นครับ

การตรวจเลือดใดบ้างที่ต้องอดอาหาร?
ดังที่ได้กล่าวไปแล้วว่าเราจะงด 8-10 ชม. สำหรับการตรวจน้ำตาล และ 10-12 ชม. สำหรับการตรวจไขมันในเลือด (lipid profile) นอกจากสองตัวนี้แล้วไม่จำเป็นต้องทำการงดน้ำงดอาหารครับ เช่น การตรวจการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดต่างๆ ไวรัสเอชไอวี (HIV) และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์ หรือการตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือด การทำงานของไต และการทำงานของตับ 

ข้อควรระวัง
ในการตรวจเลือดทางการแพทย์มีการตรวจที่ค่อนข้างหลากหลายมากบางครั้งอาจมีรายการตรวจที่นอกเหนือจากที่กล่าวมาจำเป็นต้องงดอาหารเช่นกัน แต่รายการเหล่านั้นมักจะได้รับการชักถามหรือแจ้งเตือนเป็นพิเศษอยู่แล้วครับ นอกจากนั้นการงดอาหารในผู้ป่วยในรายที่มีโรคประจำตัวอยู่แล้ว หากต้องการตรวจสุขภาพด้วยตนเองควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์เจ้าของไข้ก่อนทำการงดน้ำหรือ อาหารเพื่อที่จะทำการตรวจไขมัน หรือน้ำตาลนะครับ



เมื่อเรามีความเข้าใจเกี่ยวกับวิธีการงดน้ำ งดอาหารมากขั้น คงจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยนะครับ สำหรับผู้มีแผนจะไปทำการตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลด้วยตนเอง จะได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปหลายรอบ หรือต้องรอให้ครบระยะเวลาก่อนเจาะเลือดครับ ขอบคุณครับ

#การงดน้ำและอาหาร#งดอาหารและน้ำก่อนเจาะเลือด#อดอาหารอย่างไรก่อนเจาะเลือด#ทำไมต้องอดอาหารและน้ำก่อนเจาะเลือด#ตรวจอะไรบ้างที่ต้องอดอาหารและน้ำ#อดอาหาร#อดน้ำ#ก่อนเจาะเลือด#อดอาหารนานเท่าไหร่#ระะเวลาที่ต้องอดอาหารและน้ำก่อนเจาะเลือด#เจาะเลือด#

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลอดใส่เลือดมี่กี่ชนิด (tube เลือดมี่กี่ชนิด)

        หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยนะครับว่าเวลามีนัดต้องไปพบแพทย์ และเมื่อถึงเวลาเจาะเลือด ทำไมถึงต้องเก็บเลือดเราไปทีละหลาย ๆ หลอดและในการนัดแต่ละครั้งก็มีการเจาะเลือดไปไม่เหมือนเดิมกับครั้งก่อน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันครับว่าหลอดใส่เลือดแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร         ปัจจุบันในทางการแพทย์หลอดสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดนั้นถูกพัฒนามาหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมถึงระยะในการเก็บรักษาตัวอย่างเลือดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ สำหรับในวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับหลอดเลือดพื้นฐานที่ใช้ในการตรวจประจำของโรงพยาบาลโดยทั่วไปครับ  สิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแต่ละสี        สิ่งที่อยู่ข้างในหลอดเลือดสีต่าง ๆ คือ สารเคมีที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด (สารกันเลือดแข็ง) โดยในหลอดแต่ละสีก็จะมีสารกันเลือดแข็งคนละชนิดกันครับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้สารกันเลือดแข็งหลายชนิด ไม่สามารถใช้ชนิดเดียว หรือหลอดเดียวสำหรับารตรวจได้ทั้งหมดก็เพราะว่าส...

DNA ตอนที่ 1 : DNA คืออะไร และโครงสร้างของ DNA

สารพันธุกรรม (genetic materials) ห มายถึงสารที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ่งมีชีวิตระดับโปรคาริโอต (prokaryote) และยูคาริโอต (eukaryote) โดยสารพันธุกรรมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid หรือ DNA) และอาร์เอ็นเอ (ribonucleic acid หรือ RNA) การเก็บรักษาข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการเรียงลำดับของหน่อยย่อยที่สุดของ DNA และ RNA อย่างเป็นระเบียบและมีความหมาย ซึ่งหน่อยย่อยของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเราเรียกว่า นิวคลีโอไทด์ (nucleotide) สิ่งมีชีวิตจะทำการแปลรหัสข้อมูลนิวคลีโอไทด์เหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเซลล์หรือร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่อไปผ่านการทำงานร่วมกันตั้งแต่ DNA RNA ไปจนถึงขั้นตอนการสั่งเคราะห์โปรตีน อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตบางประเภทจะเก็บข้อมูลพื้นฐานของตัวเองในรูปแบบของ RNA เท่านั้น เช่นไวรัสในกลุ่มรีโทรไวรัส หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือไวรัสโควิด ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างจำลองของ DNA ที่มาภาพ : http://becuo.com/red-dna-wallpaper   DNA (deoxyribonucleic acid )                  D...

ความแตกต่างระหว่าง Leukemoid Reaction และ Chronic myeloid leukemia (CML)

***แก้ไขหน่วยในภาพ cell/ml เป็น cell/ul Leukemoid Reaction (LR) คือ ภาวะหนึ่งที่ร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดขาวออกมาในปริมาณมาก (>50,000 cell/ul) เพื่อตอบสนองต่อ ภาวะความผิดปกติบางอย่าง เช่นภาวะการติดเชื้ออย่างรุนแรง (severe infection)  เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้นผิดปกติจำนวนมากจะเป็น mature cells  แต่ก็อาจพบเม็ดเลือดขาวระยะตัวอ่อนได้บ้างซึ่งการที่เราพบเม็ดเลือดตัวอ่อนในเลือดจะเรียกว่า Shift to the left  โดยเมื่อส่องดูเสมียร์เลือด (blood smear) ด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วจะพบว่ามีลักษณะที่คล้ายกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Chronic myeloid leukemia (CML) แต่ก็มีลักษณะที่สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ครับโดยการวินิจฉัย LR นั้นจะเป็น exclusion criteria ของมะเร็งเม็ดเลือดขาว CML เช่น ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด และชนิดของเม็ดเลือดขาวตัวเต็มวัย หรือการเพิ่มขึ้นของค่า  Leukocyte alkaline phosphatase (LAP)  ใน LR Chronic myeloid leukemia (CML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในสาย myeloid ชนิดเรื้องรัง โดยผู้ป่วย CML ส่วนใหญ่มีสาเหตุการเกิดโรคมาจากการกลายพั...