ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

คู่มือการอ่านผลแล็ปเบื้องต้น: เข้าใจง่ายสำหรับทุกคน

 คู่มือการอ่านผลแล็ปเบื้องต้น: เข้าใจง่ายสำหรับทุกคน

การตรวจแล็ป (Laboratory Test) เป็นส่วนสำคัญในการประเมินสุขภาพ วินิจฉัยโรค และติดตามการรักษา หลายครั้งเมื่อเราได้รับผลตรวจแล็ป เราอาจสงสัยว่าตัวเลขเหล่านั้นหมายถึงอะไร บทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจการอ่านผลตรวจแล็ปเบื้องต้นได้ง่ายขึ้น


1. ส่วนประกอบสำคัญในผลแล็ป

ผลตรวจแล็ปทั่วไปมักประกอบด้วย:

  1. ค่าที่ตรวจ (Test Name): ชื่อการตรวจ เช่น น้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar) หรือไขมันในเลือด (Cholesterol)
  2. ค่าที่วัดได้ (Result): ตัวเลขหรือผลที่ได้จากการตรวจ
  3. ค่าปกติ (Reference Range): ช่วงค่าปกติที่ใช้เป็นมาตรฐาน (ค่าปกติอาจแตกต่างกันตามห้องแล็ป)
  4. หมายเหตุ (Remarks): ข้อมูลเพิ่มเติม เช่น ผลปกติ หรือมีความผิดปกติ

2. การอ่านค่าผลตรวจที่พบบ่อย

2.1 น้ำตาลในเลือด (Fasting Blood Sugar - FBS)

  • ค่าปกติ: 70–100 mg/dL
  • ค่าสูงเกินไป: อาจบ่งบอกถึงภาวะเบาหวานหรือความเสี่ยง
  • ค่าต่ำเกินไป: อาจเกิดจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (Hypoglycemia)

2.2 ไขมันในเลือด (Cholesterol & Triglycerides)

  • คอเลสเตอรอลรวม (Total Cholesterol): ควรน้อยกว่า 200 mg/dL
  • ไขมันเลว (LDL): ควรน้อยกว่า 130 mg/dL
  • ไขมันดี (HDL): ควรสูงกว่า 40 mg/dL สำหรับผู้ชาย และ 50 mg/dL สำหรับผู้หญิง
  • ไตรกลีเซอไรด์ (Triglycerides): ควรน้อยกว่า 150 mg/dL

2.3 ความสมบูรณ์ของเลือด (Complete Blood Count - CBC)

  • เม็ดเลือดแดง (RBC):
    • ชาย: 4.7–6.1 ล้านเซลล์/ไมโครลิตร
    • หญิง: 4.2–5.4 ล้านเซลล์/ไมโครลิตร
  • เม็ดเลือดขาว (WBC): 4,000–11,000 เซลล์/ไมโครลิตร
    • ค่าสูง: อาจเกิดจากการติดเชื้อหรืออักเสบ
    • ค่าต่ำ: อาจเกิดจากภูมิคุ้มกันต่ำหรือโรคบางชนิด
  • เกล็ดเลือด (Platelets): 150,000–450,000 เซลล์/ไมโครลิตร

2.4 การทำงานของไต (eGFR, Creatinine & BUN)

  • eGFR (Estimated Glomerular Filtration Rate):

    • ค่าปกติ: มากกว่า 90 mL/min/1.73 m²
    • 60–89 mL/min/1.73 m²: อาจมีความผิดปกติในระยะแรก (ควรติดตามผลเพิ่มเติม)
    • น้อยกว่า 60 mL/min/1.73 m²: บ่งบอกถึงโรคไตเรื้อรัง (Chronic Kidney Disease - CKD)
    • หมายเหตุ: eGFR ใช้ประเมินการทำงานของไตและคำนวณจากค่าครีเอตินีน อายุ และเพศ
  • ครีเอตินีน (Creatinine):

    • ชาย: 0.7–1.3 mg/dL
    • หญิง: 0.6–1.1 mg/dL
    • ค่าสูง: อาจเกิดจากโรคไตหรือภาวะกล้ามเนื้อเสียหาย
    • ค่าต่ำ: อาจเกิดจากมวลกล้ามเนื้อลดลง
  • บียูเอ็น (BUN): 7–20 mg/dL

    • ค่าสูง: อาจเกิดจากโรคไตหรือภาวะขาดน้ำ
    • ค่าต่ำ: อาจเกิดจากการรับประทานโปรตีนน้อยเกินไป

2.5 การทำงานของตับ (Liver Function Test)

  • ALT (SGPT): ไม่เกิน 40 U/L
  • AST (SGOT): ไม่เกิน 40 U/L
  • ค่าสูง: อาจเกิดจากภาวะตับอักเสบหรือโรคเกี่ยวกับตับ

3. ข้อควรระวังในการอ่านผลตรวจแล็ป

  1. อย่าตื่นตระหนก: ผลตรวจบางอย่างอาจมีค่าสูงหรือต่ำชั่วคราวจากปัจจัยภายนอก เช่น อาหาร การออกกำลังกาย หรือความเครียด
  2. พิจารณาค่าในภาพรวม: อย่าใช้ค่าตัวเดียวในการสรุปโรค ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินร่วมกับอาการ
  3. ผลแล็ปแต่ละแห่งอาจแตกต่างกัน: เนื่องจากการใช้เครื่องมือและวิธีการตรวจที่แตกต่าง

4. เคล็ดลับในการเตรียมตัวตรวจแล็ป

  1. งดอาหาร: หากต้องตรวจน้ำตาลหรือไขมันในเลือด ควรงดอาหารอย่างน้อย 8–12 ชั่วโมง
  2. พักผ่อนให้เพียงพอ: การอดนอนอาจส่งผลต่อผลตรวจบางอย่าง
  3. แจ้งข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่: เช่น การใช้ยา หรืออาการป่วย

5. สรุป

การอ่านผลแล็ปเบื้องต้นช่วยให้เราเข้าใจสุขภาพตัวเองมากขึ้น แต่ควรใช้ผลตรวจร่วมกับการประเมินจากแพทย์เสมอ หากมีคำถามเกี่ยวกับผลแล็ป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อคำอธิบายที่ชัดเจนและคำแนะนำที่เหมาะสม


ถ้าคุณมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลตรวจแล็ปของคุณ สามารถนำผลมาให้ช่วยแนะนำเพิ่มเติมได้นะครับ!

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลอดใส่เลือดมี่กี่ชนิด (tube เลือดมี่กี่ชนิด)

        หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยนะครับว่าเวลามีนัดต้องไปพบแพทย์ และเมื่อถึงเวลาเจาะเลือด ทำไมถึงต้องเก็บเลือดเราไปทีละหลาย ๆ หลอดและในการนัดแต่ละครั้งก็มีการเจาะเลือดไปไม่เหมือนเดิมกับครั้งก่อน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันครับว่าหลอดใส่เลือดแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร         ปัจจุบันในทางการแพทย์หลอดสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดนั้นถูกพัฒนามาหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมถึงระยะในการเก็บรักษาตัวอย่างเลือดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ สำหรับในวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับหลอดเลือดพื้นฐานที่ใช้ในการตรวจประจำของโรงพยาบาลโดยทั่วไปครับ  สิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแต่ละสี        สิ่งที่อยู่ข้างในหลอดเลือดสีต่าง ๆ คือ สารเคมีที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด (สารกันเลือดแข็ง) โดยในหลอดแต่ละสีก็จะมีสารกันเลือดแข็งคนละชนิดกันครับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้สารกันเลือดแข็งหลายชนิด ไม่สามารถใช้ชนิดเดียว หรือหลอดเดียวสำหรับารตรวจได้ทั้งหมดก็เพราะว่าส...

DNA ตอนที่ 1 : DNA คืออะไร และโครงสร้างของ DNA

สารพันธุกรรม (genetic materials) ห มายถึงสารที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ่งมีชีวิตระดับโปรคาริโอต (prokaryote) และยูคาริโอต (eukaryote) โดยสารพันธุกรรมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid หรือ DNA) และอาร์เอ็นเอ (ribonucleic acid หรือ RNA) การเก็บรักษาข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการเรียงลำดับของหน่อยย่อยที่สุดของ DNA และ RNA อย่างเป็นระเบียบและมีความหมาย ซึ่งหน่อยย่อยของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเราเรียกว่า นิวคลีโอไทด์ (nucleotide) สิ่งมีชีวิตจะทำการแปลรหัสข้อมูลนิวคลีโอไทด์เหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเซลล์หรือร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่อไปผ่านการทำงานร่วมกันตั้งแต่ DNA RNA ไปจนถึงขั้นตอนการสั่งเคราะห์โปรตีน อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตบางประเภทจะเก็บข้อมูลพื้นฐานของตัวเองในรูปแบบของ RNA เท่านั้น เช่นไวรัสในกลุ่มรีโทรไวรัส หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือไวรัสโควิด ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างจำลองของ DNA ที่มาภาพ : http://becuo.com/red-dna-wallpaper   DNA (deoxyribonucleic acid )                  D...

โครงสร้างโปรตีน (Protein structure)

โครงสร้างโปรตีน (Protein structure)             โปรตีนคือสารชีวโมเลกุลขนาดใหญ่และมีโครงสร้างซับซ้อนเกิดจากหน่วยย่อยกรดอะมิโน (amino acid) จำนวนมากตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักพันหน่วยมาต่อกันเกิดเป็นสายยาว (long chains) เรียกว่า polypeptide ซึ่งในสายหรือระหว่างสายของ polypeptide เองก็จะเกิดพันธะทางเคมีขึ้นได้ทำให้โปรตีนมีโครงสร้างที่แตกต่างกันออกไปและทำให้โปรตีนเองมีคุณสมบัติที่หลากหลายและโครงสร้างซับซ้อน             กรดอะมิโนเป็นหน่วยย่อย (monomer) ของโปรตีนซึ่งประกอบไปด้วยกรดอะมิโน 20 ชนิด โครงสร้างของกรดอะมิโนประกอบด้วย หมู่อะมิโน (NH 3 ) หมู่คาร์บอกซิล (COO - ) และหมู่ R หรือ side chain ที่จับอยู่กับ alpha carbon โดยกรดอะมิโนแต่ละชนิดจะมีโครงสร้างเหมือนกันจะแตกต่างกันเพียงแค่หมู่ R เท่านั้น กรดอะมิโนแต่ละตัวจะมีเชื่อมต่อกันโดยพันธะเพปไทด์ (peptide bond) ระหว่างหมู่คาร์บอกซิลและหมู่อะมิโน ดังนั้นสิ่งที่กำหนดคุณสมบัติของโปรตีน หน้าที่ของโปรตีน และโครงสร้างของโปรตีนก็คื...