ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

การตรวจเลือดดูการทำงานของไต (Renal Function Test)

From : Wikimedia Commons
       ไต เป็นอวัยวะมีหน้าที่หลักในการกรองของเสีย และรักษาดุลยภาพของสารในร่างกายตัวอย่างเช่น เกลือแร่ (โซเดียม และโพแทสเซียม) ความผิดปกติของไตจะส่งผลให้การทำหน้าที่หลักของไตลดลงตั้งแต่ระดับเบื้องต้น เสื่อมสภาพเรื้อรัง จนถึงการวายของไตอย่างเฉียบพลัน ซึ่งความผิดปกติเหล่านี้จะส่งผลต่อค่าสารในร่างกายทำให้มีระดับที่สูง หรือต่ำกว่าปกติ 
       ในปัจจุบันการตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อประเมิณการทำงานของไตก็ได้แก่การตรวจเลือดหาค่า BUN, Creatinine และ Glomerular filtration rate (GFR) และการตรวจปัสสาวะ(Urine analysis)


1. Blood Urea Nitrogen (BUN)
     BUN เป็นของเสียที่เกิดจากการเผาผลาญโปรตีนในร่างกาย และจะถูกกำจัดออกจากร่างกายผ่านทางไต เมื่อปริมาณ BUN ในเลือดสูงขึ้นอาจเปิดจากการกำจัดสารออกจากร่างกายได้ไม่ดี หรือการทำงานของไตมีปัญหานั่นเอง 

     ค่าปกติ : 7 - 25 mg/dl    
    ค่าสูง   การทำงานของไตผิดปกติ หรือการรับประทานอาหารประเภทโปรตีนมากเกินไป  หรือยาบางชนิด
     ค่าต่ำ   บ่งชี้ว่าขาดอาหาร การดูดซึมอาหารไม่ดี ตับเสีย

2. Creatinine
      Creatinine เป็นของเสียที่เกิดจากเนื้อเยื่อกล้ามเนื้อ และสามารถพบได้ในเลือดซึ่งจะถูกขับออกทางไต เมื่อการทำงานของไตผิดปกติก็จะส่งผลต่อการกำจัด creatinine ในเลือดด้วย ทำให้ระดับของ creatinine ผิดปกติไป จึงใช้ค่านี้บ่งชี้ภาวะการทำงานของไตได้

    ค่าปกติ : 0.7 - 1.4 mg/dl
    ค่าสูง  สูงควบคู่ BUN บ่งบอกถึงการทำงานของไตที่เสื่อมสภาพจากภาวะบางอย่าง
    ค่าต่ำ  พบได้ใน โรคไต โรคตับ

3. Estimated Glomerular Filtration Rate (eGFR)
      GFR  เป็นค่าประมาณอัตราการกรอวของเสียของไต โดยทำการคำนวณจากปัจจัยหลายอย่าง ได้แก่ ผลการตรวจระดับ creatinine อายุ เพศ น้ำหนัก ส่วนสูง ออกมาเป็นตัวเลข โดยมีค่าปกติประมาณ 90-120  หากพบว่ามีค่า GFR ต่ำกว่า  60 อาจบ่งบอกถึงอาการแรกเริ่ทของโรคไตได้ครับ

4. Urine Analysis for Albumin
      Albumin เป็นโปรตีนชนิดหนึ่งในร่างกายของเรา และสามารถพบได้ในระบบเลือด เมื่อมีการหลุด หรือพบโปรตีนในปัสสาวะปริมาณมาก อาจบ่งบอกถึงอัตราการกรองของไตที่เริ่มเสื่อมลงได้ครับ  

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลอดใส่เลือดมี่กี่ชนิด (tube เลือดมี่กี่ชนิด)

        หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยนะครับว่าเวลามีนัดต้องไปพบแพทย์ และเมื่อถึงเวลาเจาะเลือด ทำไมถึงต้องเก็บเลือดเราไปทีละหลาย ๆ หลอดและในการนัดแต่ละครั้งก็มีการเจาะเลือดไปไม่เหมือนเดิมกับครั้งก่อน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันครับว่าหลอดใส่เลือดแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร         ปัจจุบันในทางการแพทย์หลอดสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดนั้นถูกพัฒนามาหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมถึงระยะในการเก็บรักษาตัวอย่างเลือดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ สำหรับในวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับหลอดเลือดพื้นฐานที่ใช้ในการตรวจประจำของโรงพยาบาลโดยทั่วไปครับ  สิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแต่ละสี        สิ่งที่อยู่ข้างในหลอดเลือดสีต่าง ๆ คือ สารเคมีที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด (สารกันเลือดแข็ง) โดยในหลอดแต่ละสีก็จะมีสารกันเลือดแข็งคนละชนิดกันครับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้สารกันเลือดแข็งหลายชนิด ไม่สามารถใช้ชนิดเดียว หรือหลอดเดียวสำหรับารตรวจได้ทั้งหมดก็เพราะว่าส...

DNA ตอนที่ 1 : DNA คืออะไร และโครงสร้างของ DNA

สารพันธุกรรม (genetic materials) ห มายถึงสารที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ่งมีชีวิตระดับโปรคาริโอต (prokaryote) และยูคาริโอต (eukaryote) โดยสารพันธุกรรมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid หรือ DNA) และอาร์เอ็นเอ (ribonucleic acid หรือ RNA) การเก็บรักษาข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการเรียงลำดับของหน่อยย่อยที่สุดของ DNA และ RNA อย่างเป็นระเบียบและมีความหมาย ซึ่งหน่อยย่อยของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเราเรียกว่า นิวคลีโอไทด์ (nucleotide) สิ่งมีชีวิตจะทำการแปลรหัสข้อมูลนิวคลีโอไทด์เหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเซลล์หรือร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่อไปผ่านการทำงานร่วมกันตั้งแต่ DNA RNA ไปจนถึงขั้นตอนการสั่งเคราะห์โปรตีน อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตบางประเภทจะเก็บข้อมูลพื้นฐานของตัวเองในรูปแบบของ RNA เท่านั้น เช่นไวรัสในกลุ่มรีโทรไวรัส หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือไวรัสโควิด ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างจำลองของ DNA ที่มาภาพ : http://becuo.com/red-dna-wallpaper   DNA (deoxyribonucleic acid )                  D...

ความแตกต่างระหว่าง Leukemoid Reaction และ Chronic myeloid leukemia (CML)

***แก้ไขหน่วยในภาพ cell/ml เป็น cell/ul Leukemoid Reaction (LR) คือ ภาวะหนึ่งที่ร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดขาวออกมาในปริมาณมาก (>50,000 cell/ul) เพื่อตอบสนองต่อ ภาวะความผิดปกติบางอย่าง เช่นภาวะการติดเชื้ออย่างรุนแรง (severe infection)  เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้นผิดปกติจำนวนมากจะเป็น mature cells  แต่ก็อาจพบเม็ดเลือดขาวระยะตัวอ่อนได้บ้างซึ่งการที่เราพบเม็ดเลือดตัวอ่อนในเลือดจะเรียกว่า Shift to the left  โดยเมื่อส่องดูเสมียร์เลือด (blood smear) ด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วจะพบว่ามีลักษณะที่คล้ายกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Chronic myeloid leukemia (CML) แต่ก็มีลักษณะที่สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ครับโดยการวินิจฉัย LR นั้นจะเป็น exclusion criteria ของมะเร็งเม็ดเลือดขาว CML เช่น ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด และชนิดของเม็ดเลือดขาวตัวเต็มวัย หรือการเพิ่มขึ้นของค่า  Leukocyte alkaline phosphatase (LAP)  ใน LR Chronic myeloid leukemia (CML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในสาย myeloid ชนิดเรื้องรัง โดยผู้ป่วย CML ส่วนใหญ่มีสาเหตุการเกิดโรคมาจากการกลายพั...