ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ไข้หวัดใหญ่: โรคติดต่อทางเดินหายใจที่ควรรู้

ไข้หวัดใหญ่: โรคติดต่อทางเดินหายใจที่ควรรู้

ความหมายของไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นโรคติดเชื้อทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ซึ่งสามารถแพร่กระจายได้ง่ายผ่านทางละอองฝอยจากการไอ จาม หรือสัมผัสสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ ไวรัสชนิดนี้สามารถก่อให้เกิดอาการตั้งแต่เล็กน้อยไปจนถึงรุนแรง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตในบางกลุ่มเสี่ยง เช่น ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก และผู้ที่มีโรคประจำตัว

ชนิดของไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดใหญ่สามารถจำแนกออกเป็น 4 ชนิดหลัก ได้แก่:

  1. ไข้หวัดใหญ่ชนิดเอ (Influenza A) - เป็นชนิดที่พบมากที่สุดและสามารถก่อให้เกิดการระบาดใหญ่ได้ ไวรัสชนิดนี้มีหลายสายพันธุ์ เช่น H1N1, H3N2 เป็นต้น

  2. ไข้หวัดใหญ่ชนิดบี (Influenza B) - พบการระบาดในมนุษย์และสามารถก่อให้เกิดอาการรุนแรงได้ แต่ไม่แพร่ระบาดมากเท่าชนิด A

  3. ไข้หวัดใหญ่ชนิดซี (Influenza C) - มีอาการไม่รุนแรง มักไม่ก่อให้เกิดการระบาดใหญ่

  4. ไข้หวัดใหญ่ชนิดดี (Influenza D) - พบในสัตว์ เช่น วัว แต่ยังไม่มีหลักฐานว่าทำให้เกิดโรคในมนุษย์

อาการของไข้หวัดใหญ่ อาการของไข้หวัดใหญ่มักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรงกว่าไข้หวัดธรรมดา โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่:

  • ไข้สูงเฉียบพลัน (38-40 องศาเซลเซียส)

  • หนาวสั่น

  • ปวดศีรษะ

  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อและข้อต่อ

  • อ่อนเพลีย

  • ไอแห้ง ๆ

  • เจ็บคอ

  • น้ำมูกไหลหรือคัดจมูก

  • เบื่ออาหาร

  • ในบางกรณีอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน หรือท้องเสีย โดยเฉพาะในเด็ก

การดูแลตนเองเมื่อเป็นไข้หวัดใหญ่ หากป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ควรปฏิบัติตัวดังนี้:

  • พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น

  • ดื่มน้ำให้มาก ๆ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เช่น อาหารอ่อนที่ย่อยง่าย

  • ใช้ยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล หลีกเลี่ยงยาแอสไพรินในเด็ก

  • หลีกเลี่ยงการออกแรงหนัก และไม่ควรไปในที่สาธารณะเพื่อป้องกันการแพร่กระจายเชื้อ

  • สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือบ่อย ๆ เพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังผู้อื่น

การตรวจวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่ แพทย์สามารถวินิจฉัยไข้หวัดใหญ่ได้โดยอาศัยอาการของผู้ป่วยร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ ได้แก่:

  1. การตรวจหาแอนติเจนอย่างรวดเร็ว (Rapid Influenza Diagnostic Test - RIDT) ใช้ตัวอย่างจากสารคัดหลั่งในโพรงจมูกหรือคอ ผลลัพธ์ออกภายใน 10-15 นาที

  2. การตรวจ RT-PCR (Reverse Transcription Polymerase Chain Reaction) เป็นวิธีที่แม่นยำที่สุด สามารถระบุชนิดของเชื้อไวรัสได้

  3. การเพาะเชื้อไวรัส (Viral Culture) ใช้เวลา 3-10 วัน แต่เป็นวิธีที่สามารถบอกข้อมูลสายพันธุ์ของไวรัสได้ละเอียด

ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีน การดูแลสุขภาพให้แข็งแรงและรักษาสุขอนามัยที่ดีสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่นได้

 

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

หลอดใส่เลือดมี่กี่ชนิด (tube เลือดมี่กี่ชนิด)

        หลาย ๆ ท่านอาจสงสัยนะครับว่าเวลามีนัดต้องไปพบแพทย์ และเมื่อถึงเวลาเจาะเลือด ทำไมถึงต้องเก็บเลือดเราไปทีละหลาย ๆ หลอดและในการนัดแต่ละครั้งก็มีการเจาะเลือดไปไม่เหมือนเดิมกับครั้งก่อน วันนี้เราจะมาทำความเข้าใจกันครับว่าหลอดใส่เลือดแต่ละแบบมีความแตกต่างกันอย่างไร         ปัจจุบันในทางการแพทย์หลอดสำหรับเก็บตัวอย่างเลือดนั้นถูกพัฒนามาหลายรูปแบบด้วยกัน เพื่อให้มีประสิทธิภาพสำหรับตรวจทางห้องปฏิบัติการรวมถึงระยะในการเก็บรักษาตัวอย่างเลือดให้มีความเหมาะสม และมีประสิทธิภาพสูงสุดตามวัตถุประสงค์ของการตรวจทางห้องปฏิบัติการครับ สำหรับในวันนี้จะพามาทำความรู้จักกับหลอดเลือดพื้นฐานที่ใช้ในการตรวจประจำของโรงพยาบาลโดยทั่วไปครับ  สิ่งที่อยู่ในหลอดเลือดแต่ละสี        สิ่งที่อยู่ข้างในหลอดเลือดสีต่าง ๆ คือ สารเคมีที่ป้องกันการแข็งตัวของเลือด (สารกันเลือดแข็ง) โดยในหลอดแต่ละสีก็จะมีสารกันเลือดแข็งคนละชนิดกันครับ ซึ่งสาเหตุที่ต้องใช้สารกันเลือดแข็งหลายชนิด ไม่สามารถใช้ชนิดเดียว หรือหลอดเดียวสำหรับารตรวจได้ทั้งหมดก็เพราะว่าส...

DNA ตอนที่ 1 : DNA คืออะไร และโครงสร้างของ DNA

สารพันธุกรรม (genetic materials) ห มายถึงสารที่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตทั้งสิ่งมีชีวิตระดับโปรคาริโอต (prokaryote) และยูคาริโอต (eukaryote) โดยสารพันธุกรรมประกอบด้วย ดีเอ็นเอ (deoxyribonucleic acid หรือ DNA) และอาร์เอ็นเอ (ribonucleic acid หรือ RNA) การเก็บรักษาข้อมูลพื้นฐานของสิ่งมีชีวิตเกิดจากการเรียงลำดับของหน่อยย่อยที่สุดของ DNA และ RNA อย่างเป็นระเบียบและมีความหมาย ซึ่งหน่อยย่อยของดีเอ็นเอและอาร์เอ็นเอเราเรียกว่า นิวคลีโอไทด์ (nucleotide) สิ่งมีชีวิตจะทำการแปลรหัสข้อมูลนิวคลีโอไทด์เหล่านี้ออกมาเป็นโปรตีนเพื่อทำหน้าที่ต่าง ๆ ของเซลล์หรือร่างกายของสิ่งมีชีวิตต่อไปผ่านการทำงานร่วมกันตั้งแต่ DNA RNA ไปจนถึงขั้นตอนการสั่งเคราะห์โปรตีน อย่างไรก็ตามสิ่งมีชีวิตบางประเภทจะเก็บข้อมูลพื้นฐานของตัวเองในรูปแบบของ RNA เท่านั้น เช่นไวรัสในกลุ่มรีโทรไวรัส หรือที่เรารู้จักกันดีก็คือไวรัสโควิด ภาพที่ 1 แสดงโครงสร้างจำลองของ DNA ที่มาภาพ : http://becuo.com/red-dna-wallpaper   DNA (deoxyribonucleic acid )                  D...

ความแตกต่างระหว่าง Leukemoid Reaction และ Chronic myeloid leukemia (CML)

***แก้ไขหน่วยในภาพ cell/ml เป็น cell/ul Leukemoid Reaction (LR) คือ ภาวะหนึ่งที่ร่างกายมีการสร้างเม็ดเลือดขาวออกมาในปริมาณมาก (>50,000 cell/ul) เพื่อตอบสนองต่อ ภาวะความผิดปกติบางอย่าง เช่นภาวะการติดเชื้ออย่างรุนแรง (severe infection)  เม็ดเลือดขาวที่เพิ่มขึ้นผิดปกติจำนวนมากจะเป็น mature cells  แต่ก็อาจพบเม็ดเลือดขาวระยะตัวอ่อนได้บ้างซึ่งการที่เราพบเม็ดเลือดตัวอ่อนในเลือดจะเรียกว่า Shift to the left  โดยเมื่อส่องดูเสมียร์เลือด (blood smear) ด้วยกล้องจุลทรรศน์แล้วจะพบว่ามีลักษณะที่คล้ายกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิด Chronic myeloid leukemia (CML) แต่ก็มีลักษณะที่สามารถทำให้แยกออกจากกันได้ครับโดยการวินิจฉัย LR นั้นจะเป็น exclusion criteria ของมะเร็งเม็ดเลือดขาว CML เช่น ความผิดปกติของเม็ดเลือดแดง เกร็ดเลือด และชนิดของเม็ดเลือดขาวตัวเต็มวัย หรือการเพิ่มขึ้นของค่า  Leukocyte alkaline phosphatase (LAP)  ใน LR Chronic myeloid leukemia (CML) เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวในสาย myeloid ชนิดเรื้องรัง โดยผู้ป่วย CML ส่วนใหญ่มีสาเหตุการเกิดโรคมาจากการกลายพั...