"ทำไมการแปลผลทดสอบทางพันธุกรรมถึงไม่ใช่เรื่องง่าย"
ในปัจจุบันมีการนำเทคโนโลยีการวิเคราะห์ลำดับพันธุกรรมที่ทันสมัยมาใช้มากขึ้นในประเทศไทย แต่การแปลผลทดสอบทางพันธุกรรมนั้นเป็นกระบวนการที่ซับซ้อนและท้าทายอย่างมาก แม้แต่บุคลากรทางการแพทย์ทั่วไปก็ยังไม่สามารถที่จะแปลผลการทดสอบเหล่านี้ได้ด้วยตนเอง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการวินิจฉัยโรคและการวางแผนการรักษา ในบทความนี้จะอธิบายเหตุผลที่ทำให้การแปลผลทดสอบทางพันธุกรรมไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่เราคิดกันครับ พร้อมกับการพูดถึงเทคนิคต่างๆ ที่ใช้ในปัจจุบัน เช่น single gene Test หรือ muti-genes panel test, Whole Exome Sequencing (WES), และ Whole Genome Sequencing (WGS)
ความซับซ้อนของข้อมูลพันธุกรรม
1. ความหลากหลายของยีนและความผิดปกติ
ยีนแต่ละตัวในร่างกายของคนเรานั้นสามารถมีการกลายพันธุ์ได้หลายรูปแบบ ซึ่งส่งผลต่อความเสี่ยงในการเกิดโรคต่างๆ การตรวจสอบความผิดปกติทางพันธุกรรมจึงต้องใช้เทคนิคที่หลากหลาย เช่น การตรวจโครโมโซมอะเรย์ (Chromosomal Microarray Analysis) และการตรวจหายีนส์กลายพันธุ์ (Mutation Detection) ซึ่งแต่ละวิธีมีข้อดีและข้อจำกัดของตนเอง
2. การตีความผลลัพธ์
การแปลผลทดสอบทางพันธุกรรมไม่เพียงแค่การดูว่ามีหรือไม่มีความผิดปกติอย่างที่หลายคนเข้าใจครับ แต่ยังต้องพิจารณาถึงบริบทของข้อมูล เช่น ประวัติครอบครัว ประวัติทางการแพทย์ และข้อมูลจากฐานข้อมูลทางพันธุกรรมอื่น ๆ เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่ถูกต้อง ผลลัพธ์บางอย่างอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยง แต่ไม่จำเป็นต้องหมายความว่าจะเกิดโรคนั้น ๆ เสมอไป ซึ่งทำให้การสื่อสารกับผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญ จึงจำเป็นต้องมีการทำ genetic counselling เสมอ
เทคนิคในการทดสอบทางพันธุกรรม
Single Gene Test
การทดสอบนี้มุ่งเน้นไปที่การตรวจสอบยีนเฉพาะเจาะจง เช่น ยีน BRCA1 และ BRCA2 ที่เกี่ยวข้องกับมะเร็งเต้านมและรังไข่ การเลือกใช้เทคนิคนี้เหมาะสมในกรณีที่มีข้อมูลเกี่ยวกับยีนที่เกี่ยวข้องกับโรคชัดเจน โดยจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการตรวจ.
Whole Exome Sequencing (WES)
WES เป็นเทคนิคที่ตรวจสอบ exons ทั้งหมดในจีโนม ซึ่งเป็นส่วนที่เข้ารหัสโปรตีน การตรวจสอบนี้ช่วยให้สามารถค้นพบกลายพันธุ์ในยีนที่อาจไม่เคยถูกพิจารณาใน Single Gene Test ได้ ทำให้สามารถวิเคราะห์ความเสี่ยงของโรคได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
Whole Genome Sequencing (WGS)
WGS เป็นการตรวจสอบจีโนมทั้งหมด รวมถึงทั้ง exons และ introns ซึ่งช่วยให้สามารถค้นพบข้อมูลทางพันธุกรรมที่หลากหลายและซับซ้อนได้ โดย WGS สามารถให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับความเสี่ยงของโรคและความผิดปกติทางพันธุกรรมอื่น ๆ ที่อาจไม่เกี่ยวข้องโดยตรงกับอาการของผู้ป่วย. อย่างไรก็ตาม ข้อมูลที่ได้จาก WGS อาจมีความซับซ้อนในการตีความ เนื่องจากอาจพบลักษณะทางพันธุกรรมที่ไม่เคยได้รับรายงานมาก่อน
ปัจจัยที่ส่งผลต่อการแปลผล
1. ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วน
ข้อมูลที่ได้จากการทดสอบอาจไม่สามารถอธิบายได้ทั้งหมด เนื่องจากมีลักษณะทางพันธุกรรมบางอย่างที่ถ่ายทอดแบบพิเศษ เช่น โรคที่เกิดจากการกลายพันธุ์ใหม่ (de novo mutations) ซึ่งอาจไม่พบในพ่อแม่
2. ความแตกต่างระหว่างประชากร
ลักษณะทางพันธุกรรมของประชากรแต่ละกลุ่มอาจแตกต่างกัน ทำให้ผลการทดสอบในกลุ่มหนึ่งไม่สามารถนำมาใช้กับกลุ่มอื่นได้โดยตรง. นอกจากนี้ ข้อมูลจากฐานข้อมูลขนาดใหญ่ที่มีอยู่ในปัจจุบัน ยังมีข้อจำกัดในการเข้าถึงข้อมูลจากประชากรที่หลากหลาย ทำให้การวิเคราะห์ผลลัพธ์ยิ่งซับซ้อนขึ้น
สรุป
การแปลผลทดสอบทางพันธุกรรมจึงเป็นกระบวนการที่ต้องใช้ความรู้และทักษะเฉพาะด้านอย่างสูง รวมถึงต้องมีการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ถูกต้องและเหมาะสมที่สุดสำหรับการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาในอนาคตครับ หากใครที่กำลังตัดสินใจเข้ารับบริการเป็นการส่วนตัวก็ควรจะศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน และมั่นใจว่าสถานบริการเหล่านั้นมีความเชี่ยวชาญจริงๆ นะครับ
https://medlineplus.gov/genetics/understanding/testing/types/
#การแปลผลทดสอบทางพันธุกรรม #genetic
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น